Tamdoo.com

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว บันเทิง

เที่ยวจังหวัดสุราษฏร์ธานี

  • Home
  • ถ้ำแก้ว อุทยานแห่งชาติคลองพนม สุราษฏร์ธานี

ถ้ำแก้ว อุทยานแห่งชาติคลองพนม สุราษฏร์ธานี

ถ้ำแก้ว ชมหินประกายแวววาวเหมือนแก้ว อุทยานแห่งชาติคลองพนม ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 401 และอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาสก หลายคนจึงนิยมจัดทริปเที่ยวคู่กันอยู่บ่อยๆ โดยเริ่มจากไปเที่ยวค้างแรมบนแพพักกลางทะเลสาบในเขื่อนรัชชประภากันก่อน จากนั้นขากลับค่อยแวะเที่ยวชมธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติคลองพนม ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีดอกบัวผุด ต้นกระบอกขาว น้ำตกและถ้ำแก้วให้ไปเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติ หากชอบเที่ยวถ้ำต้องไม่พลาดไปชม ถ้ำแก้ว เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติคลองพนม มีเส้นทางเดินเลียบเขาให้ไปเที่ยวชมถ้ำแก้วระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบปากถ้ำแก้ว ภายในเป็นถ้ำหินปูนมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามแปลกตามากมาย โดยภายในถ้ำแก้วยังไม่มีไฟฟ้าติดตั้ง เมื่อใช้ไฟฉายส่องตามหินงอกหินย้อยต่างๆ ก็จะเห็นแสงเป็นประกายระยิบระยับ ซึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำแก้ว การเดินเที่ยวชมจึงต้องใช้ความระมัดระวังเพราะภายในมืดสนิท และแบ่งเป็นห้องย่อยๆ ถึง 4 ห้อง…

ถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฏร์ธานี

ถ้ำน้ำทะลุ ลุยน้ำชมถ้ำทะลุในทะเลสาบรัชชประภา สุราษฏร์ธานีเป็นจังหวัดที่มีดีทั้งป่าและทะเล หากชอบเที่ยวป่า ชอบนอนรับลมบนแพพักกลางทะเลสาบอันร่มเย็นก็ต้องไม่พลาดไปเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลานในอุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยวิวภูเขาหินปูนแสนสวยที่ว่ากันว่างดงามเหมือนกุ้ยหลินของประเทศจีน ซึ่งนอกจากการนั่งเรือเที่ยวชมภูเขาหินแล้ว ภายในทะเลสาบจึงยังมีถ้ำให้ไปเดินป่าสัมผัสธรรมชาติกันด้วย โดยถ้ำที่มีความนิยมที่สุดก็คือ ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำน้ำทะลุ ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ ขส.4 คลองแปะประมาณ 3 กิโลเมตร และตั้งอยู่ใกล้กับแพโตนเตย แม้จะเป็นเส้นทางเดินป่าแต่การเดินทางไปเที่ยวชมก็ไม่ลำบากมากนัก เมื่อถึงบริเวณปากถ้ำน้ำทะลุจะพบว่าเป็นถ้ำที่มีลำธารไหลผ่านออกมา ถ้ำน้ำทะลุแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าถ้ำน้ำทะลุ การเข้าไปเที่ยวชมถ้ำน้ำทะลุจึงควรดูช่วงเวลาน้ำในเขื่อนด้วย เพราะหากมาเยือนในช่วงน้ำเยอะจะต้องเกาะเรือคายักลอยคอเข้าไปชม แต่หากมาในฤดูแล้งก็สามารถเดินเข้าไปเที่ยวได้ไม่ยากภายในเป็นถ้ำลึกประมาณ 800 เมตร กว้าง 0-15 เมตร…

ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่คนทั้งโลกใฝ่ฝัน เกาะพะงัน สุราษฏร์ธานี

ย้อนไปในอดีตราว พ.ศ. 2510 คือเมื่อราว 45 ปีที่แล้วเกาะสมุยเพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวต่างประเทศ จากการที่มีนักท่องเที่ย วผจญภัยเดินท างม าพบธรรมชาติบริสุทธิ์ของเกาะแห่งนี้เข้าและนำเอาเรื่องราวต่างๆ ไปเล่าขาน แน่นอนว่าในครั้งนั้นยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติคนใดรู้จักเกาะพะงัน จนเมื่อ พ.ศ. 2515 หลังจากที่เกาะสมุยเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นนักท่องเที่ยวบางส่วนเริ่มสำารวจต่อไปถึงเกาะพะงัน ที่อยู่ใกล้กันทางด้านทิศเหนือว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่ให้ค้นหาบ้าง โดยนักท่องเที่ยวชาติแรกที่ไปถึง คือ นักท่องท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์และชาวออสเตรเลีย ในยุคต่อๆ มา ซึ่งในครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกที่คนต่างชาติได้ซึมซับรับรู้ความงามของ หาดริ้นว่ามีความสวยงามวิเศษสุดเพียงใด ที่พักบังกะโลแห่งแรกที่เปิดให้บริการที่หาดริ้นมีขึ้นในราวปี พ.ศ.2523 ชื่อ บูรณ์บังกะโล ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็นชื่อ ริ้นบีช…

หาดทรายนํ้าใสทะเลสวย หาดท้องนายปาน เกาะพะงัน สุราษฏร์ธานี

ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะพะงันนั้นยังมีอ่าวรูปโค้ง เป็นวงพระจันทร์อยู่แห่งหนึ่ง ซุกซ่อนตัวเองอยู่อย่างลี้ลับมาแต่ครั้ง สมัยโบราณที่มีประวัติว่ามีชาวสงขลาชื่อนายปาน อพยพหนีภัยจากโจรสลัดแขกที่ออกปล้นสะดมในน่านน้ำแถบนี้จนมาพบเวิ้งอ่าวอันห่างไกลสงบเงียบและลึกเร้นพอจะหลีกหนีภัยได้เพื่อเป็นที่ซุกซ่อนตัวเอง เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3อภายหลังโจรแขกถูกปราบลงได้ นายปานก็เลยอาศัยอยู่ที่นี่และมีชีวิตอยู่ต่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงถึงแก่กรรม ผู้คนได้เรียกขานอ่าวแห่งนี้รวมทั้งชายหาดว่า หาดท้องนายปาน เรื่อยมา ปัจจุบันจากสภาพทางภูมิศาสตร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 หาดคือ หาดท้องนายปานน้อย กับ หาดท้องนายปานใหญ่ หาดท้องนายปานน้อย ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศเหนือของกลุ่มหาดท้องนายปานมีความยาวราว 700 เมตร เริ่มตั้งแต่ชายหาดบริเวณด้านทิศใต้ของแหลมปากช่อง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสันธิญารีสอร์ท แอนด์ สปา ลงมาทางด้านทิศใต้จนถึงเนินเขาบริเวณที่แบ่งหาดท้องนายปานน้อยออกจากหาดท้องนายปานใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปานวิมาน รีสอร์ท…

ชุมชนเก่าบ้านใต้ บ้านค่าย เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี

ชุมชนบ้านใต้ เป็น 1 ใน 3 ชุมชนเก่าแก่บนเกาะพะงันที่มีผู้คนมาตั้งรกรากอาศัยอยู่มาช้านาน สันนิษฐานว่าตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นชุมชนชาวจีนอพยพซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนไห่หนาน หรือไหหลำ ที่มีอาชีพทำการประมง เข้ามาทำมาหากินตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยและผสมผสานกับคนพื้นบ้านมีลูกหลานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนจนเป็นชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งบนเกาะพะงันมาจนถึงปัจจุบัน ร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองจากครั้งอดีตอาจพบเห็นได้จากวัดวาอารามต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นชุมชนคนพุทธที่ผสมผสานกับคนเชื้อสายจีน กล่าวคือมีทั้งวัดเก่าแก่หลายแห่งเช่น วัดใน วัดนอก วัดโพธิ์ วัดเขาถ้ำ และมีศาลเจ้าจีนตั้งอยู่ในเขตบ้านใต้ ซึ่งสันนิษฐานว่าวัดเหล่านี้หลายวัดสร้างขึ้นมาในสมัยเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน คือ สมัยอยุธยาตอนปลายหรือสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น วัดใน เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดซึ่งพบในเขตบ้านใต้ คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันเป็นวัดร้างอยู่ในเขตธรณีสงฆ์ของวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ตำบลบ้านใต้…

เที่ยวพิชิตยอดเขาหรา นํ้าตกแพง ที่เกาะพะงัน

บนความท้าทายของนักผจญภัยยอดเขาหรา ยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะพะงันนั้นมักจะมีผู้คนเดินทางบุกบั่นดั้นด้นขึ้นไปสัมผัสความเป็นผู้พิชิตอยู่เนื่องๆ ยอดเขาหรา มีความสูง 627 เมตรจากระดับน้ำทะเลตั้งอยู่บริเวณใจกลางสุดของเกาะพะงันประดุจหัวใจสีเขียวของเกาะพะงัน การเดินทางพิชิตยอดเขาหรานั้น เริ่มต้นจากบ้านมะเดื่อหวานมีป้ายบอกทางชัดเจน สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ผ่านสวนผลไม้ของชาวบ้านไปจนจรดเชิงเขา จากนั้นเป็นเส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขาหรา ในช่วงแรกเป็นป่าโปร่งผ่านอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่งขึ้นไป เข้าสู่เขตป่าดงดิบชื้นเป็นทางลาดชันมีต้นไม้ขนาดใหญ่อาทิยางนา ตะเคียน ตังหน ขึ้นอยู่ทั่วไปมีลำธารเล็กๆ พอให้หาน้ำดื่มน้ำใช้ได้ ป่าบริเวณนี้เป็นแหล่ง กล้วยไม้เพชรหึง ที่มักพบขึ้นอยู่ตามคาคบไม้ใหญ่และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสรรพชีวิตทั้งพืชพรรณไม้นานาชนิด เช่น เฟิร์นกระเช้าสีดา ช้องนางคลี่ กล้วยไม้สิงโตกลอกตา รวมทั้งนกและสัตว์ป่าอาทิ ลิง กวางป่าและหมูป่า เป็นต้น พ้นแนวป่าช่วงนี้ หนทางขึ้นเขาหราจะเริ่มชันยิ่งขึ้นและสภาพป่าเปลี่ยนไปเป็นป่าที่มีต้นไม้ขนาดเล็กลง มีแหล่งน้ำซับเล็กๆ…

ย้อนอดีตสู่เส้นทางวิถีชุมชน บ้านมะเดื่อหวาน บ้านในสวน เกาะพะงัน

จากอ่าวโฉลกหลำจะมีถนนเส้นหนึ่งซึ่งตัดผ่านบริเวณช่องเขาแคบๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่สูงชันนัก ระหว่างแนวของเขาหราที่อยู่ตอนกลางสุดของเกาะและเขาตาหลวงซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปในช่องเขาลดหลั่นลงไปทางด้านทิศใต้สู่แนวที่ราบทางด้านท้องศาลาอีกครั้ง ตลอดเส้นทางสายนี้ยาวประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นพื้นที่สีเขียวของป่าไม้อุดมสมบูรณ์สลับกับสวนยางพาราและเรือกสวนไร่นานับเป็นเส้นทางที่สวยงามเส้นหนึ่ง มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งซึ่งใครเที่ยวเลาะชายหาดตะวันตกมาจนถึงโฉลกหลำก็สามารถเดินทางกลับเป็นเส้นทางวงรอบกลับไปยังท้องศาลาได้โดยไม่ต้องเสียเวลาย้อนกลับทางเดิมและยังได้ท่องเที่ยวไปในโลกสีเขียวของเกาะพะงันอีกด้วย จุดแรกที่ควรแวะเที่ยวคือ ศาลเจ้าแม่กวนอิมและวัดป่าแสงธรรม ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ศาลเจ้าแม่กวนอิม อยู่ห่างจากบ้านโฉลกหลำราว 6 กิโลเมตร รูปแบบเป็นศาลเจ้าจีนที่สวยงามตั้งอยู่บนไหล่เขาช่วงหนึ่งของเขาตาหลวงที่มียอดสูงสุด 478 เมตรจากระดับน้ำทะเลอยู่ด้านตรงข้ามกับเขาหรา บริเวณศาลเจ้าอยู่บนเนินสูงที่เป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นอ่าวโฉลกหลำาที่อยู่ทางด้านทิศเหนือได้เป็นอย่างดี ตามประวัติเล่าขานกันมาสั้นๆ ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีศรัทธาแรงกล้าต่อองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมชื่อคุณมลาวรรณ ได้เดินทางไปทอดผ้าป่าที่เกาะพะงันแล้วไปที่บ้านโฉลกหลำซึ่งเป็นชุมชนคนจีนไหหลำที่มีอาชีพทำาประมงมาแต่เก่าก่อนจึงเกิดศรัทธาขึ้นว่าจะต้องสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมนี้ขึ้นเพื่อบูชาและเป็นจุดหมายในการเดินเรือคล้ายกับเป็นประภาคารส่องแสงในยามค่ำคืนให้คนเรือได้มองเห็นเป็นจุดหมายในการเดินเรือได้ด้วย ซึ่งได้มาเจอสถานที่แห่งนี้เหมาะกับความฝันของเธอ จึงได้กลับไปกรุงเทพฯ แล้วรวบรวมเงินมาสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมนี้ขึ้น และสามารถสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2536ภายในบริเวณศาลเจ้า มีศาลาชมวิวอยู่แห่งหนึ่งสร้างเป็นเก๋งจีนสามหลังติดต่อกัน…

งามวิถีชีวิตชุมชน หาดโฉลกหลำ งามล้ำ หินสวย หาดหินงาม เกาะพะงัน สุราษฏร์ธานี

บริเวณด้านทิศเหนือสุดของเกาะพะงัน นั่นคือ หาดโฉลกหลำ ชายหาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมราวกับวงพระจันทร์ความยาวของหาดราว 3.5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นชุมชนชาวประมงซึ่งมีวิถีชีวิตความเป็นมาเก่าแก่คู่กับเกาะพะงันมาเนิ่นนาน กล่าวกันว่าชื่อ โฉลกหลำ นี้มาจากชาวมลายูคนแรกที่มาอาศัยอยู่ที่อ่าวนี้ชื่อว่า โดล่ะ ดะหลำ แล้วภายหลังเรียกเพี้ยนเป็น โฉลกหลำ นั่นเป็นนัยหนึ่ง ส่วนคำว่า โฉลก นั้นสันนิษฐานอีกนัยหนึ่งว่า น่าจะมีส่วนมาจากการที่เมืองไชยามีชื่อตำแหน่ง ขุนยกกระบัตร หัวเมืองโฉลกในสมัยนั้นซึ่งชื่อบ้านหลายแห่งในเกาะพะงันก็มีชื่อนำหน้าว่าโฉลก อาจจะมีส่วนมาจากชื่อตำแหน่งนี้ก็เป็นได้ เพราะเกาะพะงันเคยขึ้นอยู่กับเมืองไชยามาก่อน หรือประการสุดท้ายที่เป็นข้อสันนิษฐานของผู้เขียนเองว่า การที่ชุมชนชาวจีนมาอาศัยอยู่บนเกาะพะงันพยายามออกเสียงคำว่า ลูกบ้านว่า โละบั่น เช่นลูกบ้านเก่าเรียกว่า โละบั่นเก๋า คำว่าโละนี้ก็อาจพ้องกับคำว่า…

งามมหัศจรรย์ทะเลแหวกเกาะพะงัน ที่แม่หาด เกาะม้า จังหวัดสุราษฏร์ธานี

กระบี่นั้นมีทะเลแหวกที่ขึ้นชื่อติดอันดับว่าเป็น Unseen Thailand ซึ่งใครๆ ก็รู้จักกันดี แต่ใครบ้างจะรู้ว่าที่เกาะพะงันนั้นก็ยังมีทะเลแหวกซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ อีกแห่งหนึ่ง แม้จะไม่โด่งดังเท่ากับของจังหวัดกระบี่ และการกำเนิดอาจจะแตกต่างกัน แต่ก็ยังพอเรียกได้ว่าเป็นทะเลแหวกอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่บริเวณแม่หาดปรากฏเป็นสันทรายเชื่อมต่อไปยังเกาะม้าที่อยู่ห่างไปราว 350 เมตร ปกติทะเลแหวกแห่งนี้จะเป็นสันทรายที่ปรากฏตัวอยู่ตลอดเกือบทั้งปี ไม่เหมือนกับ ทะเลแหวกของกระบี่ที่ เกิดด้วยอิทธิพลน้ำขึ้นน้ำลงโดยเฉพาะในช่วง 15 ค่ำวันน้ำใหญ่ที่น้ำขึ้นมากลงมาก ทะเลแหวกที่เกาะม้า นี้มีกำเนิดมาจากอิทธิพลของลมพัทธยาที่พัดเข้าสู่เกาะพะงันด้านตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี แล้วพัดเอาทรายมากองรวมกันเกิดเป็นสันทรายทอดยาวจากหาดแม่หาดสู่เกาะม้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ สันทรายนี้อาจจะเกิดขึ้นสวยงามหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นลมในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดอยู่ในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าลมว่าวนั่นเอง กล่าวคือ เมื่อมีลมว่าวเกิดขึ้นคลื่นลมจากลมว่าวจะพัดพาสันทรายที่ลมพัทธยาพัดพามาให้ต่ำลงและพากลับไปอีกด้านหนึ่งซึ่งถ้าคลื่นมรสุมไม่แรงมากสันทรายก็จะยังคงสวยงามอยู่ได้ อย่างไรก็ดี ช่วงฤดูลมว่าวนี้ช่วงน้ำใหญ่สันทรายก็อาจจะขาดไปบ้างจากน้ำทะเลที่หนุนสูงยามน้ำขึ้น ครั้นเมื่อน้ำลงก็จะกลับโผล่ขึ้นมาอีก จนเมื่อหมดลมว่าวสันทรายนี้ก็จะอยู่ถาวรตลอดทั้งปีจนกว่าจะเวียนมาบรรจบกับฤดูมรสุมช่วงลมว่าวอีกครั้ง…

งามเม็ดทราย นอนอาบแดดชายทะเล หาดยาว หาดสลัด เกาะพะงัน สุราษฏร์ธานี

ในบรรดาชายหาดริมฝั่งทะเลตะวันตกของเกาะพะงันทั้งหมด หาดยาวและหาดสลัดถือได้ว่า เป็นสองหาดที่มีเม็ดทรายขาวเนียนนุ่มและสวยงามมากกว่าหาดอื่นใด โดยเฉพาะหาดยาวนั้นเป็นชายหาดที่ยาวขนานไปกับชายฝั่งทะเลตะวันตกของเกาะพะงัน มีความยาวราว 1.5 กิโลเมตร ซึ่งมีรีสอร์ทใหญ่และบังกะโลขนาดเล็กเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายหาดที่สามารถวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำาลังกาย เล่นกีฬาชายหาดหรือแม้แต่นอนอาบแดดได้เป็นอย่างดี ส่วนบริเวณด้านนอกของชายหาด ทั้งหมดเริ่มต้นจากหาดเจ้าเภา หาดสนจนถึงหาดยาว หาดสลัดไปจรดแม่หาดนี้จะเป็นแนวปะการังที่ทอดตัวยาวเหยียดติดต่อกันเป็นแนวเหนือใต้ มีจุดที่สามารถดำน้ำดูปะการังได้ดีอยู่หลายจุด ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมร้านดำน้ำและมีบริการพานักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำตามแนวปะการังเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้หาดยาวยังเป็นจุดหนึ่งซึ่งสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุด ทุกเย็นในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจึงมีนักท่องเที่ยวชอบมาคอยเฝ้าชมพระอาทิตย์ตกอยู่ตามชายหาดอยู่เสมอ ส่วนหาดสลัด เป็นหาดที่อยู่ต่อขึ้นไปทางด้านเหนือของหาดยาวที่มีแนวหาดเทียนตะวันตกกับหาดกรวดเป็นหาดเล็กๆ อยู่ต่อเนื่องกันไปกับหาดยาว โดยมีแหลมตาทองอินคั่นอยู่ระหว่างปลายหาดกรวดกับหาดสลัด ในอดีตเชื่อว่าเป็นที่ซ่องสุมของหมู่โจรสลัดที่เคยออกจี้ปล้นแถบน่านน้ำนี้และใช้อ่าวสลัดเป็นที่พำพำนักและกำบังคลื่นลมมาก่อน หาดสลัดวางตัวเป็นแนวเหนือใต้โค้งรับกับแหลมจั่วที่ยื่นออกไปในทะเลและดูคล้ายหาดครึ่งวงกลมสวยงามมีความยาวราว 1 กิโลเมตร ตลอดแนวหาดจะมีรีสอร์ทตั้งอยู่เรียงรายและเป็นรีสอร์ทที่ ค่อนข้างดีมีคุณภาพ รีสอร์ทแถบนี้เริ่มกิจการมาตั้งแต่ราว 15 ปีที่แล้วโดยรู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวสวีเดนก่อน…