ชมทะเลหมอก

เที่ยวน้ำตก สวนผึ้ง ราชบุรี

เที่ยวน้ำตก สวนผึ้ง ราชบุรี

เที่ยวน้ำตก ชมทะเลหมอก แช่ธานน้ำร้อน สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของราชบุรีมีพื้นที่ติดกับชายแดนพม่า และว่ากันว่าหากอยากไปเที่ยวเหนือ แต่ไม่มีเวลามากพอให้ลองมาเที่ยวสวนผึ้งกันดู เพราะบรรยากาศในสวนผึ้งโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสวยคล้ายกับภาคเหนือเลยทีเดียว แถมสถานที่ท่องเที่ยวก็สวยสนุกไม่แพ้กัน เช่น เที่ยวน้ำตกเก้าชั้น ชมทะเลหมอกเขากระโจม แช่ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งที่เที่ยวเหล่านี้ช่วงที่มีความงดงามที่สุดก็คือปลายฝนถึงต้นหนาวนั่นเอง จากกรุงเทพ ขับรถมาถึงสวนผึ้งช่วงบ่ายหลังเก็บสัมภาระเข้าห้องพัก แล้วก็เริ่มต้นเที่ยวกันได้เลย โดยที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่สุดก็คือ น้ำตกเก้าชั้น หรือน้ำตกเก้าโจนในชื่อเก่า นับเป็นน้ำตกสูงที่ไหลจากยอดเขาลงมาเป็นชั้นๆ หรือเป็นลักษณะกระโจนลงมา ตลอดแนวน้ำตกมีเส้นทางเดินเลียบให้อย่างดีจนถึงชั้นที่ 6 จากนั้นชั้นที่ 7-9 จะเป็นเส้นทางเลาะเลียบเขา ซึ่งไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะไม่มีเส้นทางบอกชัดเจน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเที่ยวชมถึงแค่ชั้น 6 จากนั้นขับรถออกมาจากน้ำตกเก้าชั้น ระหว่างทางจะพบธารน้ำร้อนบ่อคลึง ภายในเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้แช่บ่อน้ำแร่ร้อนจากธรรมชาติ โดยมีให้เลือกทั้งบ่อน้ำแร่กลางแจ้ง และบ่อน้ำแร่ภายในอาคารอันร่มรื่น จากนั้นช่วงเย็นไปเดินเล่นให้อาหารแกะกันที่ เดอะ ซีนเนอรี่ ภายในมีร้านอาหาร และร้านขายของฝากน่ารักๆ ให้เลือกซื้อกันด้วย จากนั้นช่วงเช้าต้องไม่พลาดไปเที่ยว เขากระโจมทางผู้ประกอบการนำเที่ยวจะมีรถขับเคลื่อนสี่ล้อมารอรับประมาณตี 5 โดยเส้นทางสู่เขากระโจมเป็นทางขึ้นเขาสูงชัน ขรุขระในช่วงท้ายและมีแอ่งน้ำกว้างให้ลุยฝ่า ช่วงฤดูผนจึงนั่งลุ้นกันสนุกสุด แต่เมื่อเดินทางถึงยอดเขากระโจมรับรองหายเหนื่อย เพราะบนเขากระโจมสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกได้อย่างสวยงามที่สุดในสวนผึ้ง โดยหลังจากสายหมอกจางหายเบื้องหน้ายังสามารถชมผืนป่า และขุนเขาฝั่งพม่า ได้อย่างสวยงามด้วย และหลังจากชมทะเลหมอกจนอิ่มใจแล้ว …

เที่ยวน้ำตก สวนผึ้ง ราชบุรี Read More »

น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อุบลราชธานี

น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อุบลราชธานี

ชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุดของอีสานใต้ ภูจองนายอย เป็นอุทยานแห่งชาติ ของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีแนวเขตผืนป่าติดต่อกันถึง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และกัมพูชา ภายในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย แห่งอีสานใต้แห่งนี้จึงอุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่หลายแห่ง แต่ที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมที่สุดก็คือ น้ำตกห้วยหลวง เพราะนี่คือน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ และสูงที่สุดของดินแดนอีสานใต้แห่งนี้ น้ำตกห้วยหลวง หรือที่เรียกอีกชื่อว่า น้ำตกบัวเตว ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ทางทิศใต้ประมาณ 3.5 กิโลเมตร สามารถขับรถไปเที่ยวได้อย่างสะดวกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากลำห้วยหลวง จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้ก็คือ เป็นน้ำตกที่มีสายน้ำไหลตกลงจากหน้าผาสูง 45 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง และมีหาดทรายสีขาวเหมือนทะเลสามารถเล่นน้ำได้อย่างสนุก โดยจากศาลาชมวิวด้านบนจะเห็นน้ำตกไหลทิ้งตัวลงมาอย่างสวยงามตระการตา ยิ่งในช่วงฤดูฝนน้ำเยอะสายน้ำจะทวีความรุนแรงไหลลงมาเป็นม่านน้ำสีขาวขนาดใหญ่ และส่งเสียงดังกังวานทั่วป่า จากนั้นหากอยากสัมผัสน้ำตกกันอย่างใกล้ชิดก็สามารถเดินตามทางเดินไปสู่เบื้องล่างได้เช่นกัน และหากเดินตามลำธารลงไปอีกหน่อยจะพบน้ำตกเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งคือ น้ำตกประโอนละออ ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกจุ๋มจิ๋ม สายน้ำไหลผ่านหน้าผาตัดเป็นม่านสวยงามไม่แพ้กัน จากนั้นช่วงเย็นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ พลาญหินกงเกวียน ส่วนรุ่งเช้าไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ ภูหินด่าง ซึ่งควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพราะอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย  51 กิโลเมตร ลักษณะเป็นลานหินทรายถูกกัดเซาะจนเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับลานหินปุ่มที่ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก แต่หินทรายที่นี่จะเป็นรอยด่างจึงถูกเรียกว่าภูหินด่าง โดยยามเช้าที่นี่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกได้ไกลถึงฝั่งลาว ส่วนใครมาเยือนช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ก็ต้องไม่พลาดไปปชมกุ้งเดินขบวนที่ แก่งลำดวน …

น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อุบลราชธานี Read More »

เที่ยวสวนเกษตร วังน้ำเขียว นครราชสีมา

เที่ยวสวนเกษตร วังน้ำเขียว นครราชสีมา

เที่ยวสวนเกษตร ชมหมอก สูดโอโซนบริสุทธิ์ วังน้ำเขียวเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ใกล้ผืนป่ามรดกโลกเขาใหญ่ วังน้ำเขียวจึงสมบูรณ์ทั้งดิน น้ำและอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นแหล่งที่มีโอโซนมากเป็นอันดับต้นๆ ของไทย วังน้ำเขี้ยวในวันนี้จึงเป็นแหล่งที่มีสวนเกษตร ฟาร์มเห็ด และไร่องุ่นให้เที่ยวชมอยู่ทั่วอำเภอ คนกรุงหลายคนจึงนิยมขับรถมาพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะนอกจากจะได้คลายเครียดพักผ่อนสูดอากาศดีๆ แล้วยังมีของฝากสดๆ จากสวนจากไร่ติดมือกลับบ้านไปด้วย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสวนเกษตรของวังน้ำเขียวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณตำบลไทยสามัคคี เช่น สวนเกษตรศิลปินสวนลุงไกร หรือชมแปลงผักเมืองหนาวปลอดสารพิษที่ไร่ ป.ปราการ และฟาร์มเห็ดปลอดสารพิษของวังน้ำเขียวฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มเห็ดที่ใหญ่ที่สุดพร้อมด้วยระบบการเพาะที่ครบวงจรได้มาตรฐาน ภายในสามารถเดินเที่ยวชมเห็ดต่างๆ มากมาย ทั้งเห็ดหอม เห็ดหลินจือ เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหิมะ หรือเห็ดหัวลิง เห็ดออรินจิ เห็ดนางรมดอย และเห็ดนางฟ้าภูกาน นอกจากจะได้ความรู้เรื่องเห็ดแล้วยังมีของฝาก และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ดอีกมากมายให้เลือกซื้อหากลับบ้าด้วย จากนั้นออกจากฟาร์มเห็ดไปปิดท้ายวันกันที่ ผาเก็บตะวัน ห่างจากวังน้ำเขียวฟาร์มเพียง 5 กิโลเมตร ผาเก็บตะวันเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในตำบลไทยสามัคคี ในช่วงฤดูฝนหลังสายฝนหยุดตกจาฟากฟ้าบริเวณนี้ยังชมวิวทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม และนอกจากวิวสวยแล้วจุดชมวิวแห่งนี้ยังมีกิจกรรมปลูกป่าเมล็ดมะค่าด้วยกายยิงหนังสติ๊กให้ร่วมสนุกกันด้วย รุ่งขึ้นในวังน้ำเขียวยังมีไร่องุ่นให้ไปเที่ยวชมกันต่อ คือ ไร่องุ่นที่วิลเลจฟาร์ม ภายในมีไร่องุ่น และไวน์ชั้นเลิศให้เลือกซื้อเป็นของฝากกันมากมาย ส่วนใครชอบชมวิวก็ต้องไม่พลาดไป เขาแผงม้า สถานที่ส่องสัตว์ที่มีโอกาสได้เห็นฝูงกะทิงออกมาจากป่าได้ง่ายที่สุด จากนั้นช่วงบ่ายเดินทางกลับแนะนำว่าให้กลับทางอำเภอปากช่อง ซึ่งคุณจะได้เที่ยวเป็นเส้นทางวงกลม จากเขาแผงม้า คลองปลากั้ง …

เที่ยวสวนเกษตร วังน้ำเขียว นครราชสีมา Read More »

เที่ยวดูลิ้นมังกรสีชมพู น้ำตกหมันแดง พิษณุโลก

เที่ยวดูลิ้นมังกรสีชมพู น้ำตกหมันแดง พิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และจุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงามหลายแห่ง แต่อย่างไรก็ดีในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้ไปศึกษาเดินป่ากันด้วย หนึ่งในนั้นคือเส้นทางเที่ยวชมน้ำตกหมันแดง แม้การไปเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้จะไม่หมูเหมือนที่เที่ยวอื่นๆ แต่หลายคนก็ยังอยากไปเที่ยวชมเพราะเป็นน้ำน้ำตกสวยอยู่กลางป่าใหญ่ โดยในช่วงฤดูฝนนอกจากน้ำตกจะสวยงามที่สุดแล้ว หน้าน้ำตกหมันแดงแห่งนี้ก็ยังมีลิ้นมังกรสีชมพูดอกไม้หายากให้ชมเป็นของแถมด้วย น้ำตกหมันแดง ตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 32 เลยทางเข้าโรงเรียนการเมืองการทหารไปไม่ไกล จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ใช้ทางหลวงหมายเลข 2331 ประมาณ 32 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถเดินเท้าลงเขาไปอีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร ถึงจะพบน้ำตกชั้นแรก ระหว่างทางในช่วงฤดูฝนทากเพียบ จึงควรเตรียมถุงกันทากกันให้พร้อมด้วย น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกที่มีชั้นมากถึง 32 ชั้น แต่ไม่นิยมไปชมทั้งหมด ส่วนใหญ่ไปชมกันเพียงชั้น 8 เท่านั้น ไกลจากนั้นเป็นเพียงชั้นน้ำตกเล็กๆ สำหรับชั้นไฮไลท์อยู่ที่ชั้น 5 เพราะเป็นชั้นน้ำตกที่มีลิ้นมังการสีชมพูให้ชมกัน  ซึ่งสามารถชมได้เพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น สำหรับชั้น 8 มีลักษณะเป็นม่านน้ำกว้างสวยที่สุด ด้วยระยะทางที่ไกล และเป็นเส้นทางลงเขาตลอดทางการเที่ยวชมน้ำตกหมันแดงจึงใช้เวลาเกินกว่าครึ่งัน ช่วงเช้าจึงควรเตรียมอาหารกลางวัน และน้ำดื่มติดตัวมาด้วย โดยสามารถหาซื้อข้าวกล่องได้จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า หลังจบโปรแกรมเที่ยวน้ำตกหมันแดง ช่วงเวลาที่เหลือขับรถเที่ยวชนภูหินร่องกล้ากันต่อ ตลอดทางหลวงสายนี้มีที่เที่ยวให้ชมหลายแห่ง เช่น ลานหินปุ่ม ลานหินแตก ผาชูธง โรงเรียนการเมืองการทหาร …

เที่ยวดูลิ้นมังกรสีชมพู น้ำตกหมันแดง พิษณุโลก Read More »

เปราะภู ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

เปราะภู ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

ชมดอกไม้งามจากหินผาหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว ภูหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และลานหินต่างๆ เป็นที่เที่ยวหลักของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แต่หากมาเยือนในช่วงฤดูฝนบนลานหินต่างๆ ในภูหินร่องกล้านี้ยังมีเหล่ามวลหมู่ไม้อันสวยงามให้ชมเป็นของแถมด้วย โดยเฉพาะเปราะภูพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่เบ่งบานจากซอกหินในบริเวณลานหินแตก และลานหินปุ่ม จะมีให้ชมกันเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น เปราะภู เป็นพรรณไม้เด่นของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สามารถพบเจอได้มากในเส้นทางการเที่ยวชมลานหินปุ่ม-ผาชูธง จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2331 ประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปประมาณ 1 กิโลเมตรจะพบลานจอดรถ และจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเท้าสู่ลานหินปุ่ม และผาชูธง จากนั้นเดินเข้าไปในเส้นทางไม่ไกลก็จะพบพรรณไม้ลักษณะเป็นพุ่มมีลำต้นสีเขียวดอกสีขาวขึ้นกระจายอยู่ตามลานหินนั่นก็คือ เปราะภู นั่นเอง จุดเด่นของเปราะภูคือ เป็นพืชล้มลุกเฉพาะถิ่นตระกูลเดียวกันกับขิง และข่า สามารถเติบโตได้จากบนลานหิน ซอกหิน และทุ่งหญ้าที่มีความชุ่มชื้น ลำต้นกลมสูงประมาณ 35 ซม. ใบเป็นรูปหอกเรียบยาว 10 ซ.ม. กว้าง 1.5 ซ.ม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายต้น และแบ่งออกเป็น 4-6 ดอกต่อต้น มีทั้งสีขาว สีม่วง สีเหลือง โดยสามารถพบเห็นได้ในเขตภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความสูงระดับ 1,000 เมตรขึ้นไป และชมได้เพียงปีละครั้งคือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ของทุกปีเท่านั้น …

เปราะภู ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก Read More »

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์

แม้ภูทับเบิกจะได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ แต่การไปเที่ยวชมนั้นถือว่าสะดวกสบายสุด เพราะภูทับเบิกเป็นภูเขาหัวโล้นไม่มีต้นไม้ใหญ่มากนัก แถมยังมีถนนเข้าถึงยอดดอยบนภูทับเบิกจึงเหมาะสำหรับแค้มปิ้งกางเต็นท์ชมทิวทัศน์อันสวยงาม นอกจากการเที่ยวชมวิวขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้าแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดของภูทับเบิกก็คือ การเที่ยวชมไร่กะหล่ำปลีที่ว่ากันว่าเป็นไร่กะหล่ำปลีที่มีความกว้างใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยความกว้างใหญ่ของไร่กะหล่ำปลีในภูทับเบิกที่ว่ากันว่ามีถึงพันไร่ ตลอดเส้นทางตั้งแต่อำเภอหล่มเก่าจนถึงยอดภู จึงสามารถเห็นวิวไร่กะหล่ำกันได้ตลอดทาง เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วแทบไม่มีพืชพรรณไม้อื่นๆ ให้พบเห็นเลยทีเดียว โดยไร่กะหล่ำของที่นี่จะเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ใช้เวลาปลูก และเก็บเกี่วผลผลิตกันประมาณสามเดือน จากนั้นช่วงฤดูฝนก็จะเริ่มปลูกกะหล่ำปลีกันใหม่หมุนเวียนแบบนี้ไปกันตลอดทั้งปี ไร่กะหล่ำปลีบริเวณภูทับเบิกปลูกโดยชาวม้งในพื้นที่ตลอดวันในช่วงกลางวันจึงพลชาวบ้านคอยออกมาดูแลไร่ของตัวเอง และหากคุณไปเยือนในช่วงเก็บเกี่ยว คุณสามารถติดต่อของซื้อได้ในราคาพิเศษ รับรองได้ถึงความสด สะอาด ปราศจากสารพิษ หลังชมไร่กะหล่ำปลีแล้วยามเช้าก็ต้องไม่พลาดตื่นมาชมทะเลหมอกบนยอดภูทับเบิก โดยบนยอดดอยมีความสูง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเลจึงสามารถชมหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม แถมช่วงสายของวันจากบนยอดยังมองเห็นวิวไร่กะหล่ำปลี และหมู่บ้านม้งทับเบิกได้ด้วย โดยหมู่บ้านม้งทับเบิก ห่างจากยอดภูประมาณ 6 เมตร เป็นที่ตั้งของชาวเขาเผ่าม้งที่อพยพมาอาศัยอยู่บริเวณบ้านทับเบิกมาช้านาน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมขั้นบันไดตามเชิงเขา หรือไร่กะหล่ำปลีนับพันไร่ที่เราเห็นตลอดทางบริเวณภูทับเบิกนั่นเอง ที่ตั้ง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ การเดินทาง จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 69 จะพบสามแยกบ้านแยง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 ไปทางอำเภอนครไทย ก่อนถึงอำเภอนครไทย เลี้ยวชวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 …

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์ Read More »

ชมทุ่งหญ้าสะวันน่าสีเขียว ทุ่งแสลงหลวง พิษณุโลก

ชมทุ่งหญ้าสะวันน่าสีเขียว ทุ่งแสลงหลวง พิษณุโลก

ทุ่งแสลงหลวง คือ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมทั้งจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงเป็นผืนป่าแค้มปิ้งชมพรรณไม้ โดยแหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ มีอยู่ 3 ทุ่ง ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งโนนสน และทุ่งนางพญา ทั้งสามแห่งเป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนากลางป่าสน ช่วงลมหนาวมาเยือนทุ่งหญ้าเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามคล้ายป่าสะวันน่า ส่วนช่วงฤดูฝนทุ่งหญ้าจะกลับมาเป็นสีเขียวเคล้าสายหมอกขาวนับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มีความสวยงามที่สุด จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหนองแม่นา มีทุ่งหญ้าเหมาะสำหรับการไปเที่ยวชม 2 แห่ง คือ ทุ่งแสลงหลวง และทุ่งนางพญา คุณอาจจะเลือกเที่ยวชมทุ่งแสลงหลวงก่อนก็ได้ อยู่ห่างจากหนองแม่นาประมาณ 25 กิโลเมตร ทุ่งแสลงหลวงเป็นทุ่งหญ้าโล่งขนาดใหญ่ประมาณ 16 ตารางกิโลเมตร รอบด้านโอบล้อมไปด้วยป่าเบญจพรรณ และพรรณไม้นานาชนิด ช่วงฤดูฝนป่าในทุ่งแสลงหลวงจึงเขียวขจีมีความสดชื่นน่าเดินชมธรรมชาติมากที่สุด แต่หากชอบชมทอวทัศน์อันงดงามในยามเช้าต้องไปเยือน ทุ่งนางพญา ห่างจากหน่วยพิทักษ์หนองแม่นาประมาณ 14 กิโลเมตร สามารถขับรถหรือขี่จักรยานไปก็ได้ทั้งนั้น ตลอดทางทุ่งนางพญาเป็นป่าสนขนาดใหญ่สลับกับทุ่งหญ้าสะวันนาหากไปชมในช่วงฝนทุ่งหญ้าจะเป็นสีเขียวขจี แต่หากมาชมในช่วงหนาวทุ่งหญ้าจะเป็นสีทองอร่ามสวยคนละแบบ หากอยากกางเต็นท์พักแรมบริเวณทุ่งนางพญาก็สามารถกางเต็นท์ได้โดยช่วงเช้าประมาณตีห้ายังได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกที่ลานดุสิตา ทุ่งนางพญาจึงเป็นทุ่งหญ้าที่มีวิวสวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติ สำหรับทุ่งโนนสน จากหนองแม่นาต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าไประยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นเดินเท้า จากนั้นเดินอีกประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงทุ่งโนนสน ลักษณะเป็นทุ่งกว้างอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ มีมวลหมู่ไม้ให้ชมอย่างสวยงามเป็นจำนวนมาก …

ชมทุ่งหญ้าสะวันน่าสีเขียว ทุ่งแสลงหลวง พิษณุโลก Read More »

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย

เขาค้อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเพชรบูรณ์มาช้านาน เพราะเขาค้อมีอากาศดีเย็นสบายตลอดปี อาหารก็อร่อยปลอดสารพิษ และยังโอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามทั้งขุนเขา ป่าไม้ และสายหมอก เขาค้อจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่มีสายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำเย็นสบาย สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกให้เขาค้องดงามเหมือนดั่งสวิตเซอร์แลนด์ของจริงเลยทีเดียว เข้าค้อเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาเพชรบูรณ์มีความสูงประมาณ 1,174 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงมากกว่าพื้นที่ราบ ทำให้เขาค้อมีอากาศเย็นสบายตลอดปี แม้ภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูงแต่เขาค้อกับเที่ยวสะดวกสบายเพราะมีถนนตัดผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วดอย โดยที่เที่ยวเด่นๆ บนเขาค้อมนั้นเที่ยวไม่ยาก ขับรถเที่ยวกันได้สะดวก แถมระหว่างทางยังมีทิวทัศน์สวยๆ ของขุนเขาให้ชมกันตลอดทาง เช่น พิพิธภัณฑ์อาวุธที่ฐานอิทธิ มีภาพเล่าเรื่องการสู้รบ และยังเป็นสถานที่เก็บอาวุธหลายชนิดทั้ง ปืน รถถัง เฮลิคอปเตอร์ บังเกอร์หลบภัย ถัดไปเพียง 500 เมตร จะพบอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ตรงข้ามอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ คือ ฐานกรุงเทพ นับเป็นฐานแรกที่ยึดคืนมาได้จาก ผกค. จึงตั้งชื่อตามนายทหารที่ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ส่วนขากลับลงจากเขาค้อแวะเที่ยวชมทิวทัศน์ และแปลงดอกไม้เมืองหนาวที่หอสมุดนานาชาติเขาค้อ สักการะพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก และไม้ดอกสวยๆ ที่พระตำหนักเขาค้อ ก่อนกลับลงไปเที่ยวชมไร่ บี.เอ็น. ภายในมีผลผลิตทางการเกษตรทั้งผัก และผลไม้ตามฤดูกาลให้เลือกซื้อเลือกชมกันหลายอย่าง เช่น ฟักแม้ว ผักกาดแก้ว มะระหวาน สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ …

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย Read More »

ดอยหัวหมด สวยทั้งหมอกและดอกไม้ จังหวัดตาก

ดอยหัวหมด สวยทั้งหมอกและดอกไม้ จังหวัดตาก

แม้อุ้มผางจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งการผจญภัย แต่อย่างไรก็ดีภายในอุ้มผางแห่งนี้ก็ยังมีโปรแกรมเที่ยวชมวิวแบบสบายๆ ให้สัมผัสเช่นกันนั่นก็คือ ดอยหัวหมด ภูเขาหินปูนทอดยาวที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางหลวงสายหลักของอุ้มผาง และห่างจากตัวเมืองอุ้มผางเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น จากนั้นเดินต่อเพียง 300 เมตร ก็จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม โดยช่วงฤดูฝนแบบนี้ก็ยังเที่ยวได้ บนยอดมีหมอกหนาให้สสัมผัสพร้อมอากาศเย็นสบายแถมยังมีดอกเทียนสีม่วงบานสะพรั่งให้ชมกันรอบดอยด้วย เที่ยวอุ้มผางหน้าฝนจึงไม่เหงาอย่างที่คิด ด้วยลักษณะภูมิประเทศของดอยหัวหมดที่เป็นภูเขาหินปูนทอดยาวหลายลูกติดกัน บริเวณดอยหัวหมดจึงมีจุดชมวิวให้ชมกันถึง 2 แห่ง จุดแรกตั้งอยู่บริเวณ กม. 9 ต้องจอดรถบริเวณริมทางหลวง จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่เป็นขึ้นเขาสูงชันในบางช่วงจึงต้องใช้ความระมัดระวัง โดยบนยอดเป็นภูเขายอดตัดโล่งเตียน ยามเช้าจึงสามารถชมทะเลหมอก และทิวเขาสลับซับซ้อนได้อย่างสวยงามไปจนถึงจุดชมวิว กม.ที่ 10 ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง แต่ด้วยระยะทางเดินที่ไกลจุดชมวิวแห่งนี้จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก โดยทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะพาไปเที่ยวชมวิวกันที่บริเวณ กม.ที่ 10 เพราะเดินทางสะดวก และใช้เวลาท่องเที่ยวไม่นาน จากลานจอดรถเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 300 เมตรเท่านั้น บนยอดเป็นเนินเขาโปร่งมีต้นไม้ไม่มากนักจึงสามารถชมพระอาทิตย์ และทะเลหมอกในยามเช้าได้อย่างสวยงามเช่นกัน ด้วยระยะทางที่ใกล้ตัวเมือง และเดินขึ้นสู่ยอดดอยไม่ไกล ดอยหัวหมดจึงสามารถมาเที่ยวชมกันได้ตลอดปี โดยหากมาเที่ยวชมดอยหัวหมดในช่วงกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี บริเวณนี้จะมีดอกเลี้ยวสีขาวบานสะพรั่งให้ชมเป็นของแถมด้วย ซึ่งจะพบมากในบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 6-13 แต่หลังจากนั้นในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ช่วงฤดูฝนแบบนี้ก็จะมีดอกเทียน หรือหยดน้ำค้างให้ชมความสวยงามของดอกไม้ป่าสีม่วงตระการตาแทนเหล่าดอกเสี้ยวสีขาว …

ดอยหัวหมด สวยทั้งหมอกและดอกไม้ จังหวัดตาก Read More »

น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก

น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก

น้ำตกรูปหัวใจ กลางผืนป่าใหญ่ของจังหวัดตาก อำเภออุ้มผาง ด้วยความเป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดของไทย นอกจากน้ำตกทีลอซูอันโด่งดังแล้ว ภายในอุ้มผางจึงยังคงมีน้ำตกสวยกลางป่าใหญ่ให้ไปผจญภัยกันอีกหลายแห่ง แต่โปรแกรมที่ว่ากันว่าเหนื่อย และผจญภัยที่สุด ก็คือ โปรแกรมเที่ยวน้ำตกปิตุ๊โกร เพราะเป็น้ำตกที่เที่ยวเองไม่ได้ต้องการใช้บริการจากผู้ประกอบการท้องถิ่น แถมยังต้องเดินป่าฝ่าดงปีนเขาในช่วงฤดูฝนกันกว่า 3 วัน 2 คืน จึงจะได้พบน้ำตกชื่อเรียกยากแห่งนี้ แต่เมื่อไปถึงรับรองว่าไม่ผิดหวังเพราะคุณจะได้ชมน้ำตกรูปหัวใจกลางผืนป่าใหญ่ของตากที่หาชมกันได้ไม่ง่าย การเที่ยวชมน้ำตกปิตุ๊กโกร จะเริ่มเดินทางจากตัวเมืองอุ้มผาง โดยช่วงแรกต้องนั่งรถมายังบ้านกุยเลอตอระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หากออกแต่เช้าประมาณเที่ยงถึงบ้านกุยเลอตอ จากนั้นเตรียมสัมภาระเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดกันฝนให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระหนักๆ ให้ลูกหาบช่วงถือไป เมื่อพร้อมก็เริ่มเดินเข้าสู่ป่าใช้เวลาเดินลุยป่าข้ามห้วยบนเขากันประมาณ 4 ชั่วโมง ถึงแค้มป์แทบหมดแรงช่วงเวลาที่เหลือพักแรมเอาแรงกันก่อนหนึ่งคืน จากนั้นรุ่งเช้าเดินต่อขึ้นเขาไปจะเริ่มเห็นน้ำตกปิตุ๊โกร แต่ทางช่วงนี้ลื่นและชันจึงต้องใช้เวลากันอีก 4 ชั่วโมง จึงจะได้เห็นน้ำตกปิตุ๊โกรในมุมสูงที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุด น้ำตกปิตุ๊โกรเป็นน้ำตกที่มีน้ำให้ชมกันเพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น  หากมาช่วงอื่นจะพบแต่หน้าผาหินจึงไม่คุ้มค่าแก่การมาชม โดยลักษณะเด่นของน้ำตกหากมองออกไปจะเห็นสายน้ำสองสายไหลลงมาจากภูเขาสูงประมาณ 500 เมตร มาบรรจบกันตรงกลางคล้ายกับตัวอักษร Y ส่วนบางคนก็บอกคล้ายกับรูปหัวใจมากกว่า ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน จากนั้นคืนนี้ต้องพักกลางป่ากันอีกหนึ่งคืน รุ่งเช้าจากจุดพักแรมยังสามารถชมทะเลหมอกผ่านผืนป่าฝั่งพม่าได้อย่างสวยงามด้วย ชมวิวกินข้าวกันสักพักพอมีแรงก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกุยเลอตอ ขากลับเร็วหน่อยเพราะเป็นทางลงเขาใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ถึงบ้านกุยเลอตอจะมีรถมารอรับกลับตัวเมืองอุ้มผาง …

น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก Read More »

Scroll to Top