Tamdoo.com

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว บันเทิง

ทะเลแหวก

  • Home
  • ถ้ำพระนาง หาดถ้ำพระนาง จังหวัดกระบี่

ถ้ำพระนาง หาดถ้ำพระนาง จังหวัดกระบี่

ถ้ำพระนาง แวะเที่ยวถ้ำเล็กริมหาดแสนสวยกระบี่ หากถ้ำพระนาง เป็นหนึ่งในโปรแกรมเที่ยว 4 เกาะยอดนิยมของทะเลกระบี่โดยก่อนจะไปเที่ยวชมเกาะปอดะ เกาะทับ เกาะไก่ เกาะหม้อ (ทะเลแหวก) ทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะเที่ยวหาดถ้ำพระนางเป็นแห่งแรกเสมอ เพราะเป็นอีกหนึ่งชายหาดสวยของกระบี่ที่น่ามาเที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำ และบริเวณสุดชายหาดแห่งนี้ก็ยังมีถ้ำพระนางให้ชมกันด้วย ถ้ำพระนาง ตั้งอยู่สุดชายหาดทางด้านทิศสามารถเดินไปเที่ยวชมได้ไม่ยาก ถึงปลายหาดจะพบปากถ้ำพระนางที่มีขนาดใหญ่ขว้างใหญ่ สามารถมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้าไปภายในจะพบศาลพระนาง เป็นศาบเก่าแก่ที่มีเรื่องเล่าพื้นบ้านสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับพญานาค และลูกสาวชาวบ้านที่ชื่อ นาง คนท้องถิ่นจึงนิยมนำศิวลึงค์มาสักการะบูชา บริเวณศาลจึงมีศิวลึงค์ขนาดน้อยใหญ่ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับหินงอกหินย้อยภายในถ้ำก็ยังพอมีให้เที่ยวชมอยู่บ้างเช่นกัน ทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่จะให้เวลาเที่ยวพักผ่อนชมชายหาด และถ้ำพระนางประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนั่งเรือไปเที่ยวชมเกาะต่างๆ ตามโปรแกรมกันต่อ คือ…

งามมหัศจรรย์ทะเลแหวกเกาะพะงัน ที่แม่หาด เกาะม้า จังหวัดสุราษฏร์ธานี

กระบี่นั้นมีทะเลแหวกที่ขึ้นชื่อติดอันดับว่าเป็น Unseen Thailand ซึ่งใครๆ ก็รู้จักกันดี แต่ใครบ้างจะรู้ว่าที่เกาะพะงันนั้นก็ยังมีทะเลแหวกซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ อีกแห่งหนึ่ง แม้จะไม่โด่งดังเท่ากับของจังหวัดกระบี่ และการกำเนิดอาจจะแตกต่างกัน แต่ก็ยังพอเรียกได้ว่าเป็นทะเลแหวกอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่บริเวณแม่หาดปรากฏเป็นสันทรายเชื่อมต่อไปยังเกาะม้าที่อยู่ห่างไปราว 350 เมตร ปกติทะเลแหวกแห่งนี้จะเป็นสันทรายที่ปรากฏตัวอยู่ตลอดเกือบทั้งปี ไม่เหมือนกับ ทะเลแหวกของกระบี่ที่ เกิดด้วยอิทธิพลน้ำขึ้นน้ำลงโดยเฉพาะในช่วง 15 ค่ำวันน้ำใหญ่ที่น้ำขึ้นมากลงมาก ทะเลแหวกที่เกาะม้า นี้มีกำเนิดมาจากอิทธิพลของลมพัทธยาที่พัดเข้าสู่เกาะพะงันด้านตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี แล้วพัดเอาทรายมากองรวมกันเกิดเป็นสันทรายทอดยาวจากหาดแม่หาดสู่เกาะม้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ สันทรายนี้อาจจะเกิดขึ้นสวยงามหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นลมในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดอยู่ในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าลมว่าวนั่นเอง กล่าวคือ เมื่อมีลมว่าวเกิดขึ้นคลื่นลมจากลมว่าวจะพัดพาสันทรายที่ลมพัทธยาพัดพามาให้ต่ำลงและพากลับไปอีกด้านหนึ่งซึ่งถ้าคลื่นมรสุมไม่แรงมากสันทรายก็จะยังคงสวยงามอยู่ได้ อย่างไรก็ดี ช่วงฤดูลมว่าวนี้ช่วงน้ำใหญ่สันทรายก็อาจจะขาดไปบ้างจากน้ำทะเลที่หนุนสูงยามน้ำขึ้น ครั้นเมื่อน้ำลงก็จะกลับโผล่ขึ้นมาอีก จนเมื่อหมดลมว่าวสันทรายนี้ก็จะอยู่ถาวรตลอดทั้งปีจนกว่าจะเวียนมาบรรจบกับฤดูมรสุมช่วงลมว่าวอีกครั้ง…