สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ

สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ แหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ สำหรับคนชอบ ท่องเที่ยว ทั้ง เชียงใหม่ ปาย พร้อม ข่าวการท่องเที่ยว จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาอัพเดทกันเต็มที่ ตามดูดอทคอม tamdoo.com

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์

แม้ภูทับเบิกจะได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ แต่การไปเที่ยวชมนั้นถือว่าสะดวกสบายสุด เพราะภูทับเบิกเป็นภูเขาหัวโล้นไม่มีต้นไม้ใหญ่มากนัก แถมยังมีถนนเข้าถึงยอดดอยบนภูทับเบิกจึงเหมาะสำหรับแค้มปิ้งกางเต็นท์ชมทิวทัศน์อันสวยงาม นอกจากการเที่ยวชมวิวขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้าแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดของภูทับเบิกก็คือ การเที่ยวชมไร่กะหล่ำปลีที่ว่ากันว่าเป็นไร่กะหล่ำปลีที่มีความกว้างใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยความกว้างใหญ่ของไร่กะหล่ำปลีในภูทับเบิกที่ว่ากันว่ามีถึงพันไร่ ตลอดเส้นทางตั้งแต่อำเภอหล่มเก่าจนถึงยอดภู จึงสามารถเห็นวิวไร่กะหล่ำกันได้ตลอดทาง เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วแทบไม่มีพืชพรรณไม้อื่นๆ ให้พบเห็นเลยทีเดียว โดยไร่กะหล่ำของที่นี่จะเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ใช้เวลาปลูก และเก็บเกี่วผลผลิตกันประมาณสามเดือน จากนั้นช่วงฤดูฝนก็จะเริ่มปลูกกะหล่ำปลีกันใหม่หมุนเวียนแบบนี้ไปกันตลอดทั้งปี ไร่กะหล่ำปลีบริเวณภูทับเบิกปลูกโดยชาวม้งในพื้นที่ตลอดวันในช่วงกลางวันจึงพลชาวบ้านคอยออกมาดูแลไร่ของตัวเอง และหากคุณไปเยือนในช่วงเก็บเกี่ยว คุณสามารถติดต่อของซื้อได้ในราคาพิเศษ รับรองได้ถึงความสด สะอาด ปราศจากสารพิษ หลังชมไร่กะหล่ำปลีแล้วยามเช้าก็ต้องไม่พลาดตื่นมาชมทะเลหมอกบนยอดภูทับเบิก โดยบนยอดดอยมีความสูง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเลจึงสามารถชมหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม แถมช่วงสายของวันจากบนยอดยังมองเห็นวิวไร่กะหล่ำปลี และหมู่บ้านม้งทับเบิกได้ด้วย โดยหมู่บ้านม้งทับเบิก ห่างจากยอดภูประมาณ 6 เมตร เป็นที่ตั้งของชาวเขาเผ่าม้งที่อพยพมาอาศัยอยู่บริเวณบ้านทับเบิกมาช้านาน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมขั้นบันไดตามเชิงเขา หรือไร่กะหล่ำปลีนับพันไร่ที่เราเห็นตลอดทางบริเวณภูทับเบิกนั่นเอง ที่ตั้ง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ การเดินทาง จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 69 จะพบสามแยกบ้านแยง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 ไปทางอำเภอนครไทย ก่อนถึงอำเภอนครไทย เลี้ยวชวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 …

ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์ Read More »

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย

เขาค้อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเพชรบูรณ์มาช้านาน เพราะเขาค้อมีอากาศดีเย็นสบายตลอดปี อาหารก็อร่อยปลอดสารพิษ และยังโอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามทั้งขุนเขา ป่าไม้ และสายหมอก เขาค้อจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่มีสายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำเย็นสบาย สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกให้เขาค้องดงามเหมือนดั่งสวิตเซอร์แลนด์ของจริงเลยทีเดียว เข้าค้อเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาเพชรบูรณ์มีความสูงประมาณ 1,174 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงมากกว่าพื้นที่ราบ ทำให้เขาค้อมีอากาศเย็นสบายตลอดปี แม้ภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูงแต่เขาค้อกับเที่ยวสะดวกสบายเพราะมีถนนตัดผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วดอย โดยที่เที่ยวเด่นๆ บนเขาค้อมนั้นเที่ยวไม่ยาก ขับรถเที่ยวกันได้สะดวก แถมระหว่างทางยังมีทิวทัศน์สวยๆ ของขุนเขาให้ชมกันตลอดทาง เช่น พิพิธภัณฑ์อาวุธที่ฐานอิทธิ มีภาพเล่าเรื่องการสู้รบ และยังเป็นสถานที่เก็บอาวุธหลายชนิดทั้ง ปืน รถถัง เฮลิคอปเตอร์ บังเกอร์หลบภัย ถัดไปเพียง 500 เมตร จะพบอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ตรงข้ามอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ คือ ฐานกรุงเทพ นับเป็นฐานแรกที่ยึดคืนมาได้จาก ผกค. จึงตั้งชื่อตามนายทหารที่ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ส่วนขากลับลงจากเขาค้อแวะเที่ยวชมทิวทัศน์ และแปลงดอกไม้เมืองหนาวที่หอสมุดนานาชาติเขาค้อ สักการะพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก และไม้ดอกสวยๆ ที่พระตำหนักเขาค้อ ก่อนกลับลงไปเที่ยวชมไร่ บี.เอ็น. ภายในมีผลผลิตทางการเกษตรทั้งผัก และผลไม้ตามฤดูกาลให้เลือกซื้อเลือกชมกันหลายอย่าง เช่น ฟักแม้ว ผักกาดแก้ว มะระหวาน สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ …

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย Read More »

มองสายหมอกดอยแม่จอก จังหวัดน่าน

มองสายหมอกดอยแม่จอก จังหวัดน่าน

มองสายหมอก และขุนเขาจากบ้านพักอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ดอยแม่จอก เป็นขุนเขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอนาน้อยของน่าน มีความสูง 1,469 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่สำหรับจุดเด่นของดอยแห่งนี้อยู่ที่บริเวณเชิงดอย เพราะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ด้วยสูงในระดับพันเมตรยามเช้าบริเวณบ้านพัก และลานกางเต็นท์ในที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถานจึงสามารถชมวิวภูเขา และสายหมอกได้อย่างสวยงาม หากมาเที่ยวช่วงฝนววิวภูเขาสีเขียว และสายหมอกเบื้องหน้าก็สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ เลยทีเดียว อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 26 บนทางหลวงหมายเลข 1216 บริเวณเชิงดอยแม่จอก ห่างจากอำเภอนาน้อย 31 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็จะมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณได้ยืนอยู่บนเชิงดอยแม่จอก ขุนเขาที่มีความสูง 1,469 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางกันแล้ว โดยบริเวณบ้านพัก และลานกางเต็นท์ได้ตั้งอยู่บนเชิงเขาด้านหน้า หากมองออกไปจะสามารถชมวิวคลื่นทะเลภูเขาเล่นระดับ และสายหมอกขาวได้อย่างสวยงาม หากมาเยือนในช่วงฤดูฝนอาจมีสายฝนโปรยปรายลงมาบ้าง แต่ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันโรแมนติกของอ้อมกอดขุนเขาเมืองน่านได้เป็นอย่างดี หรืออยากชมวิวสวยกว่านี้ บริเวณลานจอดรถยังมีเส้นทางไปยังยอดดอยแม่จอกด้วย จากบนยอดดอยสามารถชมวิวทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนได้อย่างสวยงาม รวมถึงวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกยามเช้า แต่จุดชมวิวนี้นับว่าเหมาะในการเที่ยวชมในช่วงฤดูหนาวมากกว่าช่วงฤดูฝน นอกจากดอยแม่จอกแล้วทางอุทยานแห่งชาติขุนสถานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปชมอีกหลายแห่ง หากชอบเที่ยวดอยก็ต้องไม่พลาดไปเที่ยวดอยธง หรือ ดอยกู่สถาน จุดชมวิวยามเช้าที่มีความสวยงามที่สุดของอุทยานแห่งชาติขุนสถาน แต่การเดินทางไปเที่ยวชมเหมาะสำหรับช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เพราะต้องอาศัยรถยนต์ขับเคลื่อน …

มองสายหมอกดอยแม่จอก จังหวัดน่าน Read More »

นาขั้นบันไดอำเภอปัว จังหวัดน่าน

นาขั้นบันไดอำเภอปัว จังหวัดน่าน

ชมนาข้าวขั้นบันได พร้อมเที่ยวฟาร์มเห็ด อำเภอปัว เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากตัวเมืองน่านเพียง 60 กิโลเมตร นับเป็นอำเภอที่มีบรรยากาศสุขสงบน่ามาเที่ยวไม่แพ้ตัวเมืองน่าน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนปัวจะเขียวขจีไปด้วยทุ่งนาข้าว ซึ่งสามารถขับรถเที่ยวชมทิวทัศน์นาข้าวได้ตลอดทาง แต่หากอยากชมวิวทุ่งนาสวยๆ ก็ต้องแวะไปเที่ยวฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ซึ่งจากฟาร์มเห็ดสามารถชมวิวทุ่งนาของปัวได้อย่างสวยงามที่สุด การเที่ยวชมทุ่งนาข้าวในอำเภอปัวสามารถเที่ยวชมได้ไม่ยาก เพราะทุ่งนาข้าวส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมทางหลวง จากตัวเมืองน่านใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 มาทางอำเภอท่าวังผา จากนั้นเข้าสู่ปัวด้วยทางหลวงหมายเลข 1256 เส้นทางนี้สามารถชมวิวทุ่งนาสีเขียวกันได้ตลอดทาง สำหรับใครที่ชื่นชอบการพักผ่อนชมวิวทุ่งนาสวยๆ มาเยือนอำเภอปัวก็ต้องไม่พลาดไปพักผ่อนกันที่ บ้านพักผาเก๊าะ-น้ำกูน หรือฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นบ้านพักอันสุขสงบใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ด้วยลักษณะที่ตั้งอยู่บนเนินเขาจากบริเวณห้องพักจึงเป็นจุดชมวิวนาข้าวที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของปัวด้วย หากมองออกไปจะเห็นทุ่งนาข้าวสีเขียวทอดยาวไปถึงภูเขาด้านหลัง ซึ่งเป็นนาขั้นบันไดเรียงรายเล่นระดับอยู่ตลอดแนว โดยช่วงฤดูฝนจะเป็นทุ่งนาสีเขียวเต็มทุ่งไปจรดภูเขา ส่วนช่วงฤดูแล้วทุ่งนาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองสวยงามไปอีกแบบ จากนั้นหากใครอยากศึกษาการเพาะเห็ด ที่นี่ก็ยังมีฟาร์มเพาะเห็ดอันทันสมัย และครบวงจรให้เที่ยวชมกันในยามว่าง หรือจะสั่งเมนูเห็ดแสนอร่อยมาลองชิมกันก็ได้ รับประทานคู่กับกาแฟสดพร้อมกับการชมวิวสวยๆ ก็สุขใจไปอีกแบบ จากนั้นรุ่งขึ้นในตัวเมืองปัวยังมีที่เที่ยวเด่นๆ ให้ไปชมกันอีกหลายแห่ง เช่น วัดปรางค์ วัดเก่าแก่ของเมืองปัวที่มีต้นดิกเดียม ต้นไม้มหัศจรรย์ที่ว่ากันว่าหากเอามือไปลูบต้นไม้ก็จะขยับหรือเต้นแกว่งไปมา น้ำตกศิลาเพชร น้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่มีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาให้เที่ยวชมกันตลอดปี และอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่มีน้ำตกต้นตอง เต่าร้างยักษ์ ต้นชมพูภูคา และจุดชมวิวสวยๆ ให้ขับรถเที่ยวแบบเพลินๆ …

นาขั้นบันไดอำเภอปัว จังหวัดน่าน Read More »

โครงการหลวงแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โครงการหลวงแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมแปลงผัก ไร่กะหล่ำ และนาข้าวขั้นบันได แม่ลาน้อยเป็นอำเภอหนึ่งทางทิศใต้ของอำเภอเมือง และอำเภอขุนยวมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และยังมีอาณาเขตติดกับอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ทางด้านทิศตะวันออก แม่ลาน้อยจึงเป็นอำเภอสงบเงียบที่มีทิวทัศน์สวยงามของขุนเขา และเหล่าทุ่งนาข้าวสวยๆ ไม่แพ้กับวิวทางฝั่งขุนยวม และแม่แจ่ม โดยเฉพาะคนรักการท่องเที่ยวเชิงเกษตรบริเวณแม่ลาน้อยยังเป็นที่ตั้งของโครงการหลวงแม่ลาน้อย ตลอดสองข้างทางจึงมีทิวทัศน์ของไร่กะหล่ำปลี นาข้าวขั้นบันได และแปลงผักปลอดสารพิษของชาวเขาให้ชมกันตลอดปี โครงการหลวงแม่ลาน้อย ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยห้อมอำเภอแม่ลาน้อยนับเป็นอีกหนึ่งโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถจัดตั้งขึ้นมาด้วยพระราชทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือพัฒนาอาชีพให้แก่ชาวเขาในพื้นที่ ซึ่งในอดีตจะนิยมปลูกฝิ่นทำไร่เลื่อนลอยทำลายป่าไม้กันอย่างมาก โดยโครงการหลวงจึงเป็นศูนย์พัฒนาที่มีแปลงผักปลอดสารพิษ แปลงปลูกพืชผัก ปลูกผลไม้ และไร่กาแฟให้เดินเที่ยวชมหลายแห่ง  นอกจากนี้ก็ยังมีแปลงปลูกพืชผักนอกศูนย์ฯ ให้ชมด้วย เช่น ไร่กะหล่ำปลี และนาข้าว โดยไร่กะหล่ำ และนาข้าวสามารถชมได้ระหว่างทางสู่โครงการหลวง ซึ่งในช่วงเดือนกันยายนจะได้ชมความสวยงามของนาขั้นบันไดสีเขียว ถัดจากนั้นในช่วงฤดูหนาวทุ่งนาก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอันสวยงามแทน นอกจากการเที่ยวชมแปลงผัก และทิวทัศน์อันสวยงามของนาข้าวขั้นบันไดแล้ว ไม่ไกลจากโครงการหลวงยังมีโฮมสเตย์บ้านห้วยห้อมให้ไปเที่ยวชมกันอีกแห่ง หมู่บ้านกลางขุนเขาแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีวิถีชีวิต และอาชีพที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยจุดเด่นของที่นี่ก็คือ การเที่ยวเชิงนิเวศ ชมการปลูกกาแฟอาราบิก้า การทอผ้าขนแกะ และงานหัตถกรรมเครื่องเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อกาแฟแปรรูป ผ้าขนแกะ และเครื่องเงินต่างๆ เป็นของฝากกลับบ้านได้ด้วย ที่ตั้ง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน การเดินทาง จากอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้ทางหลวงหมายเลข …

โครงการหลวงแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน Read More »

สะพานซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธาของเมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน

สะพานซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธาของเมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน

สะพานซูตองเป้แห่งนี้กำลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของเมืองแม่ฮ่องสอน สร้างขึ้นโดยชาวบ้านกุงไม้สักเพื่อให้พระสงฆ์ และชาวบ้านได้ใช้เป็นเส้นทางสัญจนไปมา แม้สะพานซูตองเป้จะมีระยะทางยาวเพียง 500 เมตร แต่ก็ก่อกำเนิดมาจากแรงศรัทธาของชาวบ้านจนประสบความสำเร็จสมกับชื่อ ซูตองเป้ ที่หมายถึง ความสำเร็จ สะพานซูตองเป้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน บริเวณบ้านกุงไม้สัก ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น คำว่า ซูตองเป้ มาจากภาษาไทยใหญ่ หมายถึง ความสำเร็จ ซึ่งตรงกับจุดเด่นของสะพานที่ชาวบ้านในท้องถิ่นช่วยกันนำเสาไม้เก่าในบ้สนคนละต้นสองต้นมาเป็นเสาหลักคอยค้ำจุนสะพาน รวมถึงยังช่วยกันลงแรงสานพื้นไม้ไผ่ที่มีความยาวถึง 500 เมตรจนสามารถเดินข้ามไปมาได้อย่างดี ซึ่งระยะเวลาการก่อสร้างสะพานใช้เวลาลงมือลงแรงก่อสร้างกันถึง 2 เดือน สะพานซูตองเป้จึงได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า สะพานไม้แห่งศรัทธา โดยวัตถุประสงค์ของการสร้างสะพานไม้แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรระหว่างชาวบ้านกับพระภิกษุ ตัวสะพานได้ถูกวางทอดยาวบนที่นา รอบด้านโอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์ขุนเขา ตลอดปีบนสะพานจึงมีทิวทัศน์อันงดงามไม่น้อย โดยในช่วงฤดูฝนนาข้าวรอบสะพานจะเป็นสีเขียวขจี ส่วนในช่วงฤดูหนาวทุ่งนารอบด้านจะเป็นสีเหลืองทองสวยงามไม่แพ้กัน ยามเช้าบริเวณสะพานซูตองเป้ยังเป็นจุดทำบุญใส่บาตรของชาวบ้านด้วย หากมาเยือนกันในช่วงเช้าตรู่ก็จะได้สัมผัสกับภาพวิถีชีวิตอันงดงามควบคู่ไปกับทิวทัศน์ทุ่งนาข้าวอันสวยงาม จากนั้นช่วงสายๆ เดินข้ามสะพานไปยัง สวนธรรมภูสมะ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเนินเขาหรือปลายทางอีกด้านหนึ่งของสะพาน ใจกลางวัดเป็นสถานที่ตั้งของพระพุทธรูปเจ้าพาราซูตองเป้ หรือจะขับรถกลับไปเที่ยวชมวัดในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก็มีน่าชมอยู่หลายแห่ง เช่น วัดจองคำ วัดจองกลาง วัดพระธาตุดอยกองมู วัดพระนอน วัดถ้ำก่อ และวัดหัวเวียง ที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน การเดินทาง …

สะพานซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธาของเมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน Read More »

สัมผัสช่วงเวลาโรแมนติกที่ทุ่งนาเมืองปาย แม่ฮ่องสอน

สัมผัสช่วงเวลาโรแมนติกที่ทุ่งนาเมืองปาย แม่ฮ่องสอน

ถึงแม้อำเภอปายในวันนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรีสอร์ท แต่ในด้านทอวทัศน์ทางธรรมชาติรอบด้านเมืองเล็กกลางหุบเขาแห่งนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนดั่งวันวาน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงยังคงสามารถขับรถเที่ยวพร้อมกับชื่นชมทิวทัศน์ขุนเขา สายน้ำ และทุ่งนา ได้เป็นอย่างดี ช่วงฝนพรำยิ่งสวยเพราะทุ่งนาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจี เมื่อประกอบกับได้สายฝน และสายหมอกปายในช่วงนี้จึงโรแมนติกที่สุด เมืองปาย ห่างจากอำเภอแม่มาลัยจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 100 กิโลเมตร หากออกเดินทางแต่เช้าใช้เวลาแวะเที่ยวชมน้ำตกหมอกฟ้า โป่งเดือดป่าแป๋ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง รวมถึงระวังโค้งต่างๆ ช่วงบ่ายขับรถถึงอำเภอปายพอดี โดยก่อนเข้าสู่อำเภอปายคุณสามารถแวะเที่ยวชมสะพานประวัติศาสตร์ กองแลน และแวะชิมกาแฟอร่อยกันได้ที่ ร้านคอฟฟี่อินเลิฟ ในช่วงนี้ยังได้ชมวิวขุนเขา ทุ่งนา และแม่น้ำปายเป็นของแถมด้วย โดยตลอดสองข้างทางหากมองออกไปก็จะพบกับทิวทัศน์ทุ่งนาสีเขียวอันกว้างใหญ่ไปจนจรดขุนเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง ด้วยระยะทางที่ไกลจากตัวเมืองวิวในช่วงนี้จึงยังคงมีแต่ทิวทัศน์ธรรมชาติ ไม่มีสถาปัตยกรรมของรีสอร์ทหรูมากวนสายตามากนัก และหากเลือกพักรีสอร์ทในบริเวณนี้ยามเช้ายังจะได้ชมสายหมอกขาวพาดผ่านทุ่งนากันด้วย จากนั้นหากยังชมวิวกันไม่จุใจ รอบๆ ตัวเมืองปายยังมีทิวทัศน์อันสวยงามให้ไปชมกันอีกหลายจุด ไม่ควรพลาดที่สุดคือ จุดชมวิววัดพระธาตุแม่เย็น เพราะนอกจากทิวทัศน์ทุ่งนา และตัวเมืองปายแล้ว บริเวณวัดยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วย ซึ่งวิธีที่เหมาะที่สุดคือ แรขึ่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ เพราะจอดรถสะดวก คล่องตัว และลัดเลาะถนนหนทางเล็กๆ ได้อย่างสบาย แต่อย่างไรก็ดีมาถึงอำเภอปายทั้งทีก็ไม่ควรพลาดแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวเด่นดังของปายกันด้วย เช่น วัดกลาง วัดน้ำฮู น้ำตกหมอแปง โป่งน้ำร้อนท่าปาย ส่วนช่วงเย็นก็ต้องแวะมาช้อปปิ้งถนนคนเดินในตัวเมือง จากนั้นรุ่งขึ้นหากอยากท่องป่าล่องแม่น้ำมาเที่ยวถึงปายก็ไม่ควรพลาดกิจกรรมขี่ช้าง ล่องแพ และล่องแก่งเรือยางแม่น้ำปาย โดยในช่วงฤดูฝนแบบนี้นับว่าสนุกสุดมันส์ที่สุดแล้ว …

สัมผัสช่วงเวลาโรแมนติกที่ทุ่งนาเมืองปาย แม่ฮ่องสอน Read More »

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน แช่น้ำแร่ แลน้ำตก จังหวัดลำปาง

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน แช่น้ำแร่ แลน้ำตก จังหวัดลำปาง

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีธรรมชาติเด่นในด้านน้ำ น้ำแรกคือบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเพียงแห่งเดียวในลำปาง นอกจากจะมีบ่อน้ำพุร้อนให้ชมแล้ว ภายในยังมีห้องอาบน้ำแร่ให้ผ่อนคลายกันด้วย และถัดจากบ่อน้ำพุร้อน ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ก็ยังมีน้ำใสไหลเย็นจากน้ำตกแจ้ซ้อน ให้เดินเที่ยวชมกันต่อแจ้ซ้อนจึงเป็นอุทยานแห่งชาติ เพียงแห่งเดียวที่สัมผัสได้ครบทั้งแช่น้ำแร่ และน้ำตกอันงดงาม หลังจากขับรถมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เดินเข้ามาไม่นานก็จะพบกับบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนแห่งแรก ลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีใช้ชม 9 บ่อ แต่ละบ่อจะมีโขดหินน้อยใหญ่ตั้งกระจายอยู่รอบด้าน และมีไอน้ำลอยปกคลุมอยู่เหนือบ่อน้ำ โดยน้ำในบ่อน้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส สามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายใน 15-20 นาที ภายในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนจึงมีไข่จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลวกไข่กินเล่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแช่น้ำแต่เพื่อคลายหนาว ทางอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนได้ทำห้องอาบน้ำแต่อย่างดี และนำน้ำแร่จากบ่อธรรมชาติส่งตรงถึงห้องกันด้วย โดยมีทั้งสระขนาดใหญ่ แช่แยกชาย-หญิง และห้องอาบส่วนตัว มีอ่างน้ำอุ่นแบบจากกุซชี ซึ่งน้ำแร่ในห้องอาบน้ำแต่จะมีอุณหภูมิประมาณ 39-42 องศาเซลเซียสเท่านั้น สามารถอาบหรือแช่น้ำอุ่นได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการแช่น้ำแร่ประมาณครั้งละ 15 นาทีต่อวัน จะช่วยเรื่องสุขภาพผิว และระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น คนรักการพักผ่อนเพื่อสุขภาพมาเยือนลำปางจึงไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง จากบ่อน้ำร้อนเดินเข้าไปภายในก็จะพบ น้ำตกแจ้ซ้อน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำน้ำแม่มอญ มีความสูงทั้งหมด 6 ชั้น สามารถเดินเที่ยวชมได้ทุกชั้น เพราะมีเส้นทางเดินอย่างดี ในบางชั้นมีแอ่งน้ำไม่ลึกให้นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วย และหากยังอยากเที่ยวชมน้ำตกอื่นๆ …

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน แช่น้ำแร่ แลน้ำตก จังหวัดลำปาง Read More »

ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

ชมสวนเกษตร สวนผลไม้โครงการหลวง ดอยอ่างขาง ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี และยังเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวง ทำให้ดอยอ่างขางกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเชียงใหม่มาช้านาน ดอยอ่างขางสามารถขับรถขึ้นมาเที่ยวได้ตลอดปี เพราะมีถนนหนทางอย่างดีถึงบนดอย แม้ในช่วงฝนพรำก็เที่ยวได้ โดยภายในสวนต่างๆ ของโครงการนี้ต่างออกใบออกดอกกันอย่างสวยงาม รวมถึงสวนผลไม้ตามฤดูกาลก็มีให้เลือกชิมกันไม่แพ้ฤดูหนาวเลยทีเดียว ดอยอ่างขางเป็นดอยสูง 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 162 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นดอยหัวโล้นที่มีการปลูกฝิ่นกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพลิกฟื้นป่าดอยอ่างขางใหม่ด้วยการซื้อที่ดินจากชาวเขา จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงอ่างขางขึ้นมาทดแทนเพื่อสร้างอาชีพ และรายได้ให้แก่ชาวเขาในพื้นที่ มาเที่ยวดอยอ่างขางจึงควรมาเที่ยวชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขางเป็นแห่งแรก โดยภายในแบ่งเป็นสวนต่างๆ มากมาย เช่น โรงเรือนกุหลาบตัดดอก โรงเรือนไม้ดอกเมืองหนาว โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก และแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองพืช บ๊วย พลับ สาลี่ พลัม กีวีฟรุ๊ต ราสพ์เบอรี่ บูลเบอรี่ สตรอเบอร์รี่ หยางเมย ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขับรถ หรือเดินเที่ยวชมสวนต่างๆ ในถานีเกษตรหลวงได้อย่างสะวกสบาย โดยทางสถานีทำเส้นทางไว้ให้อย่างดี ด้วยความกว้างใหญ่ของสถานีเกษตรหลวง ทำให้คุณต้องใช้เวลาเดินเที่ยวชมสวนต่างๆ กันเกือบทั้งวัน จากนั้นวันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้าขับรถไปชมวิวทะเลหมอกกันที่จุดชมวิวดอยกิ่วลม ตั้งอยู่ในเส้นทางไปบ้านนอแล ถึงลานจอดรถเดินขึ้นเขาผ่านทิวสนไปไม่ไกลพอเหนื่อยก็จะพบยอดดอย จุดนี้นับเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของดอยอ่างชาง ช่วงสายไปเที่ยวหมู่บ้านชาวเขากันต่ออีก 2 แห่ง …

ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ Read More »

แช่น้ำแร่ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่

แช่น้ำแร่ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่

แช่น้ำแร่ ชมน้ำพุร้อน นอนอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก มีดอยผ้าห่มปกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่น แต่ดอยนี้เหมาะสำหรับไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ส่วนช่าวฤดูฝนถนนสู่ยอดดอยจะลื่นชันอันตราย แถมบนดอยก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการมากนักจึงไม่เหมาะแก่การไปเยือน แต่อย่างไรก็ดีในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกก็ยังสามารถเที่ยวได้ เพราะเป็นที่ตังของบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง บ่อนน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีห้องอาบน้ำแร่ให้พักผ่อนกายใจ ท่ากลางบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง ตั้งอยู่ภายในที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากแม็กม่าใต้เปลือกโลก เมื่อมีน้ำไหลผ่านจะทำให้บริเวณชั้นหินมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้เกิดเป็นแรงดันน้ำสู่ผิวโลก หรือน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา โดยในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝางจะมีให้พบเห็นตลอดทางเดินกว่า 50 บ่อ ตั้งกระจัดกระจายเป็นบ่อเล็กบ่อใหญ่มากมาย ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกได้จัดทำเป็นเส้นทางเดินให้ชมบ่อน้ำพุร้อนกันเป็นอย่างดี และบ่อน้ำพุร้อนบางแห่งยังสามารถนำไข่มาต้มรับประทานได้ด้วย นอกจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแล้วภายในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ยังมีห้องอาบน้ำแร่กลางแจ้ง และห้องอบไอน้ำให้บริการด้วย เพราะเชื่อกันว่าน้ำแร่จากใต้ดินจะมีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย การแช่น้ำแร่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบโลหิตในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น มีผลดีต่อผิวหนัง ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ลดความเครียดในระบบประสาทได้เป็นอย่างดี หลังจากแช่น้ำแร่หากอยากออกไปเที่ยวชมธรรมชาติใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกให้ไปชมอีกลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นน้ำตก เช่น น้ำตกห้วยเอื้อน น้ำตกปู่หมื่น น้ำตกแม่เฮงใหญ่ น้ำตกแม่เฮงน้อย และน้ำตกนามะอื้น การเข้าไปเที่ยวชมควรสอบถามความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเสียก่อน เพราะช่วงฤดูฝนอาจจะเข้าไปเจอกับน้ำป่าไหลหลากกันได้ ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทาง จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงอำเภอฝางใช้เส้นทางสายฝาง-ม่อนปิน ประมาณ …

แช่น้ำแร่ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ Read More »

Scroll to Top