ท่องทะเลเมืองตราด

เที่ยวทะเลเมืองตราด

เที่ยวทะเลเมืองตราด

 

จังหวัดตราด เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงล้ำค่า ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดปลายทางบูรพาแห่งนี้ หลายคนบอกว่าถ้าไม่ตั้งใจมาจะไม่ได้มา เพราะว่าเมืองตราดไม่ใช่เมืองทางผ่าน แต่เป็นเมือง…สุดปลายทางบูรพา…อยู่ไกลตรงปลายฟ้านั่นทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น หลายๆ คนยังเพิ่มเติมอีกว่า ถึงตราดจะเป็นเมืองที่ใครๆ ต้องตั้งใจมา แต่ทั้งๆ ที่ตั้งใจ แต่ทไมจึงพากันไป เกาะครึ่งร้อย กันเสียหมด ไม่เห็นจะมีใครไปจน สุดปลายทางบูรพา สักเท่าไร

ไป เกาะครึ่งร้อย นั้นน่าจะไม่ได้ดีอะไรกับคนเมืองตราด เพราะเจ้าของเกาะ เจ้าของที่พัก ร้านอาหาร ทั้งหมดนั้นไม่ใช่คนเมืองตราดเสียเป็นส่วนใหญ่ คนเมืองตราดได้อะไร เมื่อนักท่องเที่ยวเดินผ่านหน้าบ้านไปเสียเฉยๆ ดังนั้น มาถึงเมืองตราดทั้งที ต้องมีส่วนที่ได้อะไรกับคนเมืองตราด

เมืองตราด สุดปลายทางบูรพาคือสุดปลายทางหลวงหมายเลข 3223 เส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยไปจนสุดชายแดนที่บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ เส้นทางสายนี้แต่ก่อนเริ่มต้นที่เมืองตราดออกไปสุดทางที่บ้านหาดเล็ก แต่วันนี้เส้นทางหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท อยู่ดีๆ ก็ยืดออกไปได้ กลายเป็นไปสิ้นสุดเส้นทางหมายเลข 3 ที่ตัวอำเภอคลองใหญ่

แต่ก่อนจะออกเดินทางไกล เจ้าของบ้านใจดีคือ ททท. สำนักงานตราด อยากจะชักชวน ไปดูสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของทะเลตราด นั่นคือฝูงนกเหยี่ยวแดงจำนวนหลายร้อยตัวที่จะบินลงมารับการให้อาหารจากเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชื่อ ร้านคนพลัดถิ่น ที่แหลมงอบ เจ้าของร้านเขาจะเริ่มให้อาหารเหยี่ยวแดงที่นี่ทุกวัน ตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงเป็นต้นไป

เหยี่ยวแดงเป็นนกตามธรรมชาติ ไม่ใช่นกเลี้ยง ทีแรกได้เวลาก็มาบินวนรวมตัวกันสักห้าหรือหกตัว เหนือร้านอาหารซึ่งเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดกว้างยาวประมาณสนามฟุตบอล พอเจ้าของร้านเริ่มให้อาหาร ซึ่งแรกเริ่มก็คือการให้อาหารปลาในบ่อนั่นเอง ปรากฏว่าเจ้าเหยี่ยวแดงบนท้องฟ้า ตัวใหญ่ขนาดหมาไทยตัวเล็กๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสิบตัว ยี่สิบตัว ห้าสิบตัว เป็นร้อยตัว จนเป็นหลายร้อย เหยี่ยวแดงตัวใหญ่ๆ คลาคล่ำมากมายจนน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด และกว่าที่เหยี่ยวแดงเหล่านั้นจะแย่งกินอาหารปลาได้หมด ปลาอดกินอาหาร ก็นานถึงบ่ายสามโมงนั้นทีเดียว

เส้นทางหมายเลข 3 สายใหม่นี้ ช่วงแรกเป็นถนนข้างละ 2 เลนไปจนถึงบริเวณที่เขียนป้ายไว้ว่า หาดทรายทอง หาดทรายงาม และหาดทรายมรกต ลองบอกรถเลี้ยวเข้าไปชม หาดทรายทอง หาดทรายงาม ทางปิดทางตัน กลายเป็นบ่อกุ้ง บ่อปลา ขวางทางไปหมด ถอยรถกลับแทบไม่ทัน

บอกรถไปต่อจนถึงที่พักหรู โรงแรเซ็นทาราในเครือเซ็นทรัล จอดรถแล้วเดินเลาะเลียบชายหาดเข้าไปชม ก็พบว่าโรงแรมแห่งนี้อยู่ในภูมิประเทศร่มรื่นของป่าแบบเขตร้อนชื้น พืชพรรณไม่แบบที่เรียกว่า Tropical Rain Forest งดงามเด่นชัด ลองก้าวไปชมชายหาดริมทะเล หาดทรายตรงนี้ยาวเหยียดสีสะอาด สอบถามดูได้ความว่า มีนักท่องเที่ยวมาพักกันเต็มแทบทุกเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดามีแต่ฝรั่งมาพักกันสม่ำเสมอ สุดปลายทั้งสองด้านเจ้าของที่ดินเหนือชายหาดยัปล่อยที่ให้เป็นป่ารกร้าง ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่นี่จึงมักออกเดิน หรือพายเรือออกไปทางซ้าย-ขวาได้ไกลลิบ จึงเท่ากับแขกที่นี่มีหาดทรายสีสะอาด น้ำใสแจ๋ว เป็นหาดส่วนตัวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว ฝรั่งจะแอบไปทำอะไรกันบนชายหาดที่ไหน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครตามไปดู เพราะฝรั่งที่มีพักที่เซ็นทารานี้อายุเลข 50 ขึ้นกันทั้งนั้น

ยามเย็นพระอาทิตย์ตก หาดทรายแดง

ถัดจากหาดเซ็นทาราไปเป็นหาดราชการุณย์ ที่แห่งนี้ในอดีตเป็นค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาสมัยบ้านเมืองแตกแยกและเขมรแดงขึ้นครองอำนาจอยุ่ในราว พ.ศ. 2528 ครั้งนั้นมีผู้อพยพบ้านแตกสาแหรกขาด อดอยากทุกข์ทรมาน เดินเท้าลงมาจากช่องเขาด้านซ้ายมือวันละหลายสิบหลายร้อยคน ทำให้มีผู้อพยพสะสมกันนับได้หลายหมื่นคน ทางราชการโดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเมตตาโปรดเกล้าฯ ให้หภากาชาดไทยจัดสร้างค่ายอพยพขึ้นดูแลผู้อพยพเหล่านั้นนานหลายปีกว่าประเทศที่สามจะรับคนเหล่านั้นต่อไป

ในปัจจุบันสถานที่นี้ได้ก่อสร้างใหม่ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์เขาล้าน แสดงให้เห็นภาพของค่ายผู้อพยพในอดีต และเฉลิมพระเกียรติองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนั้นตัวค่ายยังจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชายหาดสวยงาม มีบึงบัวใหญ่ ห้องพัก ห้องประชุมขนาดใหญ่โตกว้างขวาง มีหน่วยราชการในพื้นที่ต่างๆ เข้ามาใช้พื้นที่จัดประชุม สัมมนาริมทะเลสวยงามอยู่อย่างสม่ำเสมอ

ถัดจากหาดราชการุณย์เป็นชายหาดสวยขาวกว้างขวางยาวเหยียด หาดบานชื่น เป็นชายหาดที่ตั้งชื่อตามนามสกุลบานชื่นของอดีตท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายทองคำ บานชื่น ที่ได้มีความมานะอุตสาหะขอรับบริจาคที่ดินจากเอกชน นายดาบตรี บัญญัติ ใจมีธรรม และจัดทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชาวฝั่งจังหวัดตราด

หาดบานชื่น ตรงมุมด้านที่เป็นปากคลองมะโร เป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายสีขาวสะอาด มีความโค้งเว้าเป็นรูปตัว S งดงามมาก น้ำทะเลที่ตรงนั้นก็เป็นสีฟ้าใสสวยงามเป็นอย่างยิ่ง สีขาวของหาดทรายตัดกับสีน้ำและสีท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม นับเป็นสีทะเลที่งดงามจริงๆ

นอกจากตรงมุมหาดโค้งเว้าขาวสะอาดตรงนี้แล้ว หาดบานชื่นยังมีแนวหาดยาวเหยียด เม็ดทรายสีขาวสะอาด และน้ำทะเลสีฟ้าใส ทำให้ชายหาดแห่งนี้งดงามน่าเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆ วันที่นี่จึงมีชาวเมืองตราด และเมืองอื่นๆ พากันขับรถมาท่องเที่ยวแบบปิกนิกกันอยู่เสมอมิได้ขาด

ผืนทรายสีน้ำตาลนวลที่หาดทรายแดง

อำเภอคลองใหญ่ เป็นอำเภอชายแดนเล็กๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรในแง่ท่องเที่ยว แต่เส้นทางจากคลองใหญ่ไปยังบ้านหาดเล็กนั้นต่างหากที่คดโค้งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และจุดที่น่าแวะชมอีกแห่งหนึ่งก็คือที่ ชายหาดทรายแดง ฝั่งตรงข้ามวัดทรายแดง ที่ตรงนี้ชายหาดอยู่ติดถนนด้านขวามือต้องขับรถไปตามทางลงลึกไปด้านล่างสักหน่อย

ชื่อของชายหาดแห่งนี้คือหาดทรายแดง ดังนั้นเม็ดทรายที่หาดนี้จึงไม่เป็นสีขาวสะอาด แต่เป็นสีค่อนข้างน้ำตาลแดง หากความเนียนสวยของชายหาดนั้นก็ยอดเยี่ยม สิ่งแวดล้องอื่นๆ เช่น ต้นมะพร้าว ต้นสน โขดหินใหญ่น้อย ก็งดงามลงตัว เป็นอีกจุดหนึ่งบนชายหาดยายเหยียดของชายฝั่งทะเลด้านนี้ที่น่าแวะลงไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกเป็นอย่างยิ่ง และหากได้ลองถ่ายภาพความเร็วต่ำกับแสงสียาพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าก็ยิ่งจะได้ภาพแสงสีที่งดงามทันสมัยเข้าไปใหญ่

และอีกนิดเดียว เส้นทางหมายเลข 3223 ก็นำพาเข้าสู่ ด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา หาดเล็ก-คลองใหญ่ สุดเส้นทางสุดปลายทะเลตะวันออกกันที่ตรงนี้ ที่นี่มีตลาดชายแดนที่สินค้สจำนวนไม่น้อยเป็นสินค้าที่ระลึกจากประเทศ สปช. จีน นักท่องเที่ยวไทยจำนวนมากแวะลงที่นี่ บ้างก็ไปต่อ คือขับรถข้ามพรมแดนไป บางรายก็แวะไปหาซื้อสินค้าที่ระลึกจากตลาดฝั่งตรงข้าม บางรายก็ลงไปหาข้อมูลเบื้องต้น กล้าๆ กลัวๆ ที่จะข้ามฝั่งไป

น้ำทะเลใสจนเห็นพื้นทรายใต้น้ำ ที่อ่าวสวนใหญ่

เกาะครึ่งร้อย เงาะจะอร่อย หอยจะใหญ่ หรือไม่ ไปที่ท่าเรือเฟอร์รี่ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด

แสงยามเข้าเริ่มพ้นน้ำจากเส้นขอบฟ้า ฝูงนกเริ่มลารังออกโบยบินกิจกรรมชีวิตต่างๆ เริ่มต้นขึ้น สะพานท่าเรือทอดยาว นักเดินทางผู้รักทะเลหลากหลายเชื้อชาติต่างรอเรือโดยสารที่กำลังมารอรับไปส่งต่อสู่เกาะแก่งทะเลตลาด ที่นักเดินทางแต่ละคนมาดหมายไว้

มาคราวนี้ไม่ได้มาครบร้อยเกาะ แต่เกาะที่เราเลือกสรรไว้คือเกาะหมาก ตั้งอยุ่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามในท้องทะเลตราด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักเดินทางรุ่นใหม่ ที่กำลังทรัพย์ไม่สามารถสู้กับราคารีสอร์ตหรูบนเกาะกูด และต้องการหลีกหนีจำนวนนักท่องเที่ยวบนเกาะช้างที่มากจนเกือบจะล้นเกาะได้สำเร็จ

ตัดมาอีกที เรือสปีดดบตพาเรามาถึงท่าเรืออ่าวขาว ในช่วงเที่ยงวันแสงแดดส่องลึกถึงใต้ผืนทะเล เห็นฝูงปลาแหวกว่ายผ่านไปมาในน้ำทะเลสีเขียวมรกต ขณะเรากำลังเดินอยู่บนสะพานเพื่อขึ้นเกาะ

เกาะหมาก เป็น 1 ใน 9 เกาะ ของ หมู่เกาะหมาก ซึ่งประกอบด้วยเกาะหมาก เกาะกระดาด เกาะระยั้งใน เกาะระยั้งนอก เกาะผี เกาะขาม เกาะนก เกาะนอก และเกาะใน มีลักษณะรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉกทำให้พื้นที่โดยรอบเป็นอ่าวโค้งยาวมีแนวชายหาดที่สวยงาม และประกอบกับความเป็นหมู่เกาะ ทำให้บริเวณชายฝั่งรอบเกาะและเกาะใกล้เคียงมีแนวประการังที่สมบูรณ์สวยงาม

ต้นมะพร้าวเรียงรายเอนเอียงเป็นทิวแถว คือสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะ ที่คนสมัยก่อนมักเรียกต้นมะพร้าวว่า หมากพร้าว ทำให้คนบนเกาะส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมทำสวนมะพร้าวและสวนยางพารา จนเกาะหมากได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดตราด

สายลมหอบกลิ่นอายทะเลมาปะทะใบหน้า ระหว่างเรานั่งรถจากท่าเรือเข้าที่พัก บนถนนคอนกรีตขนาดเพียงแค่รถสองคันสวนกันได้ สองข้างทางพบเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ บ้างนั่งรับประทานอาหารมื้อเที่ยง บ้างนอนอาบแดดพร้อมอ่านหนังสือคู่ใจบนหาดทรายริมทะเล บ้างก็ปั่นจักรยานไปมา ทั้งหมดทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ อย่างที่คาดหมายเอาไว้จริงๆ

สะพานไม้ทอดยาวไปถึงกลางทะเล

“ปั่นจักรยานเที่ยวเกาะเลยครับสนุกดี” เจ้าหน้าที่รีสอร์ทของเราเชิญชวนพร้อมยื่นแผนที่เส้นทางจักรยานรอบเกาะเพื่อใช้นำทางในการทำความรู้จักกับเกาะแห่งนี้

“ไม่ต้องห่วงครับ เกาะนี้รถน้อย ปลอดภัยแน่นอนครับ” เขาเชิญชวนและรับรองอีกครั้งหนึ่ง

การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเราอยู่บนอานจักรยาน โดยเริ่มจากเส้นทางบนเนินเขาสลับทางลงเนินก่อนเข้าสู่ อ่าวสวนใหญ่ ที่อยู่ทางทิศเหนือของเกาะ อ่าวที่มีท้องทะเลอันเงียบสงบไร้คลื่นคล้ายสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สามารถดำน้ำตื้นดูปะการังหรือพายเรือคายักข้ามไปเที่ยวเกาะขาม เกาะสวยใกล้วๆ ได้ง่ายๆ

ถัดจากอ่าวสวนใหญ่ตามทางไปทางด้านตะวันตกเข้าสู่อ่าวพระ สังเกตได้จากต้นมะพร้าวจำนวนนัไม่ถ้วยเรียงรายเอนเอียงเป็นทิวแถวหน้าชายหาด อ่าวนี้ไม่มีที่พักให้บริการ จึงมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การปล่อยกายปล่อยใจ นอนบนผืนทรายฟังเสียงคลื่นเป็นอย่างมาก

เส้นทางมาสุดที่ แหลมตุ๊กตา จุดหมายปลายทางและเป็นส่วนปลายสุดของอ่าวทางทิตะวันตก  เรารีบลงจากอาจักรยานแล้วปีนป่ายแหลมหินขึ้นไปจนถึงยอด เพื่อชมแสงยามลับลงสู่ทะเล พร้อมกับแสงจันทร์มาแทนที่

เคยมีคนบอกว่า “เมื่อเราอยู่บนเกาะ นาฬิกาเป้นสิ่งที่ไม่จำเป็น”

เราเห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องแข่งขัน มีแต่แสงแดด แสงจันทร์ และทะเลเท่านั้นที่พร้มจะเป็น “เวลา” ให้กับเรา เมื่อเราต้องการ

 

ขอบคุณ  อสท

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *